Kinkakuji

Kinkakuji

Monday, August 11, 2014

 
วันนี้จะตะลุยเมืองเก่าอย่าง  Kyoto  ที่นี่มีที่หน้าสนใจมากเกินกว่าที่จะไปได้ในวันเดียว   ถ้าให้ทั่วอย่างน้อยสามวันขึ้นไป   เวลามีแค่วันเดียวรักพี่เสียดายน้องแถมสถานที่กระจายรอบทิศถ้าวางแผนไม่ดีคงได้เดินทางข้ามเมืองไปมาเสียเวลากับการเดินทาง     Kyoto  มี  subway  แค่สองสายทำให้ต้องเดินทางเสริมด้วยรถเมล์   ถ้ามาวันเสาร์หรืออาทิตย์ยังพอไหว   ถ้าวันทำงานรถติดไม่แพ้บ้านเรา  วางแผนไม่ดีเวลาจะอยู่บนรถเมล์เสียส่วนใหญ่   วันนี้เป็นวันเสาร์ก็รอดตัวไป   ตั้งเป้าไว้หลายที่สุดท้ายไปได้แค่สี่ที่  Kinkakuji Temple,  Fushimi Inari Shrine,  Todaiji Temple,  Kiyomizu Temple,  Yasaka Shrine  และเฉียดๆ แถว  Gion  เท่านั้น    ถ้าเจ้านายมาด้วยลุยแบบนี้โดนแบนแน่ๆ  ...  เริ่มปฎิบัติการแต่เช้า  7:30 AM  ก็เดินออกจากที่พักไปขึ้นรถที่  Shin-Osaka  อาศัยมี  JR Pass เลยเลือกนั่ง  Shinkansen Hakari  แค่ 15 นาทีก็ถึง  Kyoto Station    


ออกประตู  Central Gate   


Central Gate

ออกมาจากสถานี  จะเป็นลานท่ารถเมล์   ด้านขวามือที่เห็นเป็นตึกชั้นเดียวเป็น  Tourist Information Center  และที่ขายตั๋วรถเมล์   เห็น  Kyoto Tower แค่ฐาน  ลืมถ่ายรูปมัวแต่รีบไปซื้อตั๋วรถเมล์

จัดการตั๋วรถเมล์ One Day Pass  500  Yen  มาหนึ่งใบแถมแผนที่มาด้วย    เนื่องจากมี  JR Pass แล้ววางแผนแบบไม่ขึ้น Subway  เลยซื้อแบบรถเมล์อย่างเดียว   ตั๋ว  One Day Pass  แบบรถเมล์บวก Subway ก็  1,200 Yen  ถ้าเที่ยว  Kyoto จริงๆ จัด  Two Day Pass  ไปเลยคุ้มแน่ๆ

เป้าหมายแรก  Kinkakuji Temple  หรือ  Golden Pavilion  รีบไปเป็นแห่งแรกเพราะต้องนั่งรถเมล์ขึ้นเหนือเกือบครึ่งชั่วโมงแบบรถไม่ติด    ถ้ารถติดได้ยินมาว่าสาหัสเอาเรื่องอาจเป็นชั่วโมง   เพราะออกเช้าและเป็นวันเสาร์ก็เลยชิวๆ จากหน้า  Kyoto Station ไปได้สองสาย  101 กับ  205

a
ไปลงป้าย  Kinkakuji-michi

ลงแล้วเดินย้อนกลับมาที่ทางแยก

เลี้ยวซ้ายมีป้ายบอกชัดเจน

Kinkakuji Temple  อยู่ตรงปลายถนนนั่นแหละ

ทางเข้า

ตั๋วเข้าวัด  400 Yen  อย่างกับยันต์

เดินเข้าวัดมาเจอนักเรียนทัศนศึกษาเยอะมากๆ



มาถึงแต่เช้าไปวัดยังไม่เปิดเลย

ยืนรอกันก่อน

9:00AM ท่านมัคทายกออกมาเปิดประตูคิด  ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นไปหนึ่งชุด  คงกล่าวต้อนรับ  และให้เแขกพิเศษเข้าประตูเล็กไปก่อน

แต่ก็แค่ 2-3 นาทีประตูใหญ่ก็เปิด

ไปกันเลย


เอา  Panorama  ไปดูก่อนเลย


ฟ้าแบบนี้   สีทองเป็นประกาย  ตัดกับทิวเขาสีเขียว  องค์ประกอบรูปสะท้อนในน้ำ  ...  สุดยอดของความงาม ... ใครถ่ายก็สวย  ...  :)

Kinkakuji Temple  หรือ  Golden Pavillon Temple  เดิมเป็น Villa  ที่อยู่ของ  Shogun Ashikaga Yoshimitsu  (1358-1409)  ต่อมายกให้วัด Rokonji  ชื่อเดิมของวัด  Kinkakuji

Pavillon มีสามชั้น  ชั้นล่างสร้างตามแบบ  Zen   มีบึงน้ำล้อมรอบ ... ชั้นสองเป็นตามแบบที่อยู่ของ  Samurai   ส่วนชั้นสามเป็นที่อยู่ของ Shogun  สร้างตามแบบพระราชวัง  ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชม

ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ประจำ  วิหารถูกเผาทำลายไปในปี 1950  โดยพระ Yukio Mishima   เพราะคิดว่าจะเป็นการเข้าถึงความงามที่แท้จริงของวิหารและมีการสร้างใหม่ในปี 1955

บูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี  1987

สองชั้นบนเป็น Golden Leaf

บึงน้ำมีชื่อว่า Kyoko-chi  แปลว่าสะท้อน  วันนี้มีลมพื้นน้ำเป็นลอนคลื่น ไม่งั้นได้เห็น  Golden Pavillon  สะท้อนในน้ำชัดเจน

ออกแบบ Style Zen  เดินรอบสระจะเห็นวิวของ  Pavillon ที่สวยงามแตกต่างไป



ขึ้นทะเบียนเป็น  World Heritage ไปเรียบร้อย


ดูไปเพลินๆ ก็แล้วกัน  ไม่อยากทิ้งรูปไหนเลย .... :)













555 ...  ไม่ชัดมีรูปนี้รูปเดียว .... :)
















นี่ค่อยเป็นวิหารจริง





ใกล้ประตูทางออกมีร้านน้ำชาให้นั่งพักชิวๆ

ทางออก

ตรงนี้มีร้านไอครีมชาเขียวจัดไปหนึ่งที่ มานั่งกินดูสาวๆในชุดกิโมโนเดินไปมา

สถานที่ถัดไป  Fushimi Inari Shrine  ...  ออกจากวัดก็ข้ามมาอีกฝั่งขึ้นรถเมล์สาย 206 แต่มาลงแค่ป้าย  Nishinokyo En-machi  แล้วเดินมาสถานีรถไฟ  JR Enmachi  ใช้รถไฟจะได้เดินทางเร็วขึ้นอาศัยว่ามี  JR Pass 
  
ลงรถที่ป้าย  Nishinokyo En-machi  เดินต่อไปที่สี่แยกที่เห็นทางยกระดับไกลๆ

เลี้ยวขวาข้ามถนน แล้วข้ามไปฝั่งตรงข้ามเลี้ยขวาเดินไปอีกสัก 50 เมตรก็ถึงสถานี  JR Enmachi 

เลี้ยวซ้ายเข้าสถานี  JR Enmachi  รถไฟขบวนนี้จะวิ่งเข้า  Kyoto Station แล้วค่อยต่อสาย  Nara  ไปลงที่สถานี Inari