วันนี้จะตะลุยเมืองเก่าอย่าง Kyoto ที่นี่มีที่หน้าสนใจมากเกินกว่าที่จะไปได้ในวันเดียว ถ้าให้ทั่วอย่างน้อยสามวันขึ้นไป เวลามีแค่วันเดียวรักพี่เสียดายน้องแถมสถานที่กระจายรอบทิศถ้าวางแผนไม่ดีคงได้เดินทางข้ามเมืองไปมาเสียเวลากับการเดินทาง Kyoto มี subway แค่สองสายทำให้ต้องเดินทางเสริมด้วยรถเมล์ ถ้ามาวันเสาร์หรืออาทิตย์ยังพอไหว ถ้าวันทำงานรถติดไม่แพ้บ้านเรา วางแผนไม่ดีเวลาจะอยู่บนรถเมล์เสียส่วนใหญ่ วันนี้เป็นวันเสาร์ก็รอดตัวไป ตั้งเป้าไว้หลายที่สุดท้ายไปได้แค่สี่ที่ Kinkakuji Temple, Fushimi Inari Shrine, Todaiji Temple, Kiyomizu Temple, Yasaka Shrine และเฉียดๆ แถว Gion เท่านั้น ถ้าเจ้านายมาด้วยลุยแบบนี้โดนแบนแน่ๆ ... เริ่มปฎิบัติการแต่เช้า 7:30 AM ก็เดินออกจากที่พักไปขึ้นรถที่ Shin-Osaka อาศัยมี JR Pass เลยเลือกนั่ง Shinkansen Hakari แค่ 15 นาทีก็ถึง Kyoto Station
จัดการตั๋วรถเมล์ One Day Pass 500 Yen มาหนึ่งใบแถมแผนที่มาด้วย เนื่องจากมี JR Pass แล้ววางแผนแบบไม่ขึ้น Subway เลยซื้อแบบรถเมล์อย่างเดียว ตั๋ว One Day Pass แบบรถเมล์บวก Subway ก็ 1,200 Yen ถ้าเที่ยว Kyoto จริงๆ จัด Two Day Pass ไปเลยคุ้มแน่ๆ
เป้าหมายแรก Kinkakuji Temple หรือ Golden Pavilion รีบไปเป็นแห่งแรกเพราะต้องนั่งรถเมล์ขึ้นเหนือเกือบครึ่งชั่วโมงแบบรถไม่ติด ถ้ารถติดได้ยินมาว่าสาหัสเอาเรื่องอาจเป็นชั่วโมง เพราะออกเช้าและเป็นวันเสาร์ก็เลยชิวๆ จากหน้า Kyoto Station ไปได้สองสาย 101 กับ 205
ไปลงป้าย Kinkakuji-michi
ลงแล้วเดินย้อนกลับมาที่ทางแยก
เลี้ยวซ้ายมีป้ายบอกชัดเจน
Kinkakuji Temple อยู่ตรงปลายถนนนั่นแหละ
ทางเข้า
ตั๋วเข้าวัด 400 Yen อย่างกับยันต์
เดินเข้าวัดมาเจอนักเรียนทัศนศึกษาเยอะมากๆ
มาถึงแต่เช้าไปวัดยังไม่เปิดเลย
ยืนรอกันก่อน
9:00AM ท่านมัคทายกออกมาเปิดประตูคิด ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นไปหนึ่งชุด คงกล่าวต้อนรับ และให้เแขกพิเศษเข้าประตูเล็กไปก่อน
แต่ก็แค่ 2-3 นาทีประตูใหญ่ก็เปิด
ไปกันเลย
เอา Panorama ไปดูก่อนเลย
ฟ้าแบบนี้ สีทองเป็นประกาย ตัดกับทิวเขาสีเขียว องค์ประกอบรูปสะท้อนในน้ำ ... สุดยอดของความงาม ... ใครถ่ายก็สวย ... :)
Kinkakuji Temple หรือ Golden Pavillon Temple เดิมเป็น Villa ที่อยู่ของ Shogun Ashikaga Yoshimitsu (1358-1409) ต่อมายกให้วัด Rokonji ชื่อเดิมของวัด Kinkakuji
Pavillon มีสามชั้น ชั้นล่างสร้างตามแบบ Zen มีบึงน้ำล้อมรอบ ... ชั้นสองเป็นตามแบบที่อยู่ของ Samurai ส่วนชั้นสามเป็นที่อยู่ของ Shogun สร้างตามแบบพระราชวัง ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชม
ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ประจำ วิหารถูกเผาทำลายไปในปี 1950 โดยพระ Yukio Mishima เพราะคิดว่าจะเป็นการเข้าถึงความงามที่แท้จริงของวิหารและมีการสร้างใหม่ในปี 1955
บูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี 1987
บึงน้ำมีชื่อว่า Kyoko-chi แปลว่าสะท้อน วันนี้มีลมพื้นน้ำเป็นลอนคลื่น ไม่งั้นได้เห็น Golden Pavillon สะท้อนในน้ำชัดเจน
ออกแบบ Style Zen เดินรอบสระจะเห็นวิวของ Pavillon ที่สวยงามแตกต่างไป
ขึ้นทะเบียนเป็น World Heritage ไปเรียบร้อย
ดูไปเพลินๆ ก็แล้วกัน ไม่อยากทิ้งรูปไหนเลย .... :)
555 ... ไม่ชัดมีรูปนี้รูปเดียว .... :)
นี่ค่อยเป็นวิหารจริง
ใกล้ประตูทางออกมีร้านน้ำชาให้นั่งพักชิวๆ
ทางออก
ตรงนี้มีร้านไอครีมชาเขียวจัดไปหนึ่งที่ มานั่งกินดูสาวๆในชุดกิโมโนเดินไปมา
สถานที่ถัดไป Fushimi Inari Shrine ... ออกจากวัดก็ข้ามมาอีกฝั่งขึ้นรถเมล์สาย 206 แต่มาลงแค่ป้าย Nishinokyo En-machi แล้วเดินมาสถานีรถไฟ JR Enmachi ใช้รถไฟจะได้เดินทางเร็วขึ้นอาศัยว่ามี JR Pass
ลงรถที่ป้าย Nishinokyo En-machi เดินต่อไปที่สี่แยกที่เห็นทางยกระดับไกลๆ
เลี้ยวขวาข้ามถนน แล้วข้ามไปฝั่งตรงข้ามเลี้ยขวาเดินไปอีกสัก 50 เมตรก็ถึงสถานี JR Enmachi
เลี้ยวซ้ายเข้าสถานี JR Enmachi รถไฟขบวนนี้จะวิ่งเข้า Kyoto Station แล้วค่อยต่อสาย Nara ไปลงที่สถานี Inari
No comments:
Post a Comment